ผิวหนังเป็นอวัยวะส่วนใหญ่ที่ปกคลุมห่อหุ้มทั่วร่างกายของเรา มีหน้าที่สำคัญในการป้องกันสิ่งต่างๆ (Skin barrier) เช่น เรื่องการสูญเสียน้ำของผิวหนัง การป้องกันเชื้อโรคหรือสิ่งแปลกปลอม ซึ่งเป็นด่านแรกของการปกป้องร่างกาย การป้องกันรังสียูวีจากแสงแดด เป็นต้น ตลอดจนการรับความรู้สึก การฟื้นฟูบาดแผลต่างๆ ผิวหนังช่วยป้องกันอันตรายจากภายนอก อีกทั้งยังแสดงถึงความมีสุขภาพดีอีกด้วย
ปัจจุบันผู้คนให้ความสนใจแสวงหาเคล็ดลับการดูแลผิวให้สวย และดูอ่อนกว่าวัย สังเกตได้จากการมีสถาบันเสริมความงาม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งนี้วิธีการดูแลผิวพรรณให้สวยสมบูรณ์แบบขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการดำเนินชีวิต การรับประทานอาหาร การบำรุงผิวพรรณตั้งแต่ยังไม่เกิดปัญหา เราจะมาบอกแนวทางการดูแลผิวพรรณให้เหมาะสมตามวัยดังนี้
วัยทารก (0-2ปี) ผิวควรต้องระวังเรื่องการโดนแสงแดดจัด ไม่ควรให้เด็กทารกในช่วง 6 เดือนแรกโดนแดดจัดโดยตรง แม้จะใช้ยากันแดดแล้วสำหรับทารกก็ตาม ผู้ปกครองหลายท่านคิดว่ายากันแดดไม่เหมาะสมสำหรับผิวทารกและเด็ก ซึ่งผิด เพราะปริมาณของแสงแดดที่สะสมตลอดชีวิต ร้อยละ 80 จะได้รับมาในช่วงตั้งแต่แรกเกิดจนถึงอายุ 20 ปี ดังนั้นหากเริ่มใช้ยากันแดดในวัยผู้ใหญ่ก็จะสายไป เพราะช่วยกันผลเสียของแสงแดดได้แค่ร้อยละ 20 เท่านั้น นอกจากนั้นต้องระวังเรื่องการระคายเคือง เพราะพ่อแม่มักกลัวว่าจะไม่สะอาดพอ จึงอาบน้ำเด็กด้วยสบู่ยา อาบน้ำบ่อยครั้ง หรือฟอกสบู่มากเกินไป เช็ดด้วยแอลกอฮอล์ และเลือกใช้สารที่แรงเกินไปสำหรับผิวเด็ก เหล่านี้ล้วนทำให้ผิวทารกแห้ง และระคายเคืองได้
วัยเด็ก (2-12 ปี) วัยนี้เด็กเริ่มวิ่งซน มักมีการหกล้ม มีบาดแผล ถูกยุงกัด มดกัด พอเกาก็เป็นแผล มือไม่สะอาดก็จะเกิดการติดเชื้อ ควรดูแลให้มีการรักษาความสะอาดด้วยการล้างมือ ล้างเท้า เมื่อกลับจากโรงเรียน ตัดเล็บให้สั้น ถ้าเด็กต้องมีกิจกรรมที่โดนแดดจัด ควรใช้ยากันแดดที่เหมาะกับผิวเด็ก ครูและผู้ปกครองเด็กต้องสอนสุขศึกษาให้เด็กรู้ถึงอันตรายของแสงแดด หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดจัดและสอนให้เด็กรู้จักใช้ยากันแดดที่เหมาะสม เมื่อต้องออกโดนแดด
วัยรุ่น ( 13-19 ปี ) ในวัยนี้พบว่า “สิว” เป็นปัญหาผิวหนังที่พบบ่อยที่สุด แต่วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ยังมีความเข้าใจผิวเกี่ยวกับสิว คือส่วนใหญ่เชื่อว่าสิวเกิดจากความสกปรก เมื่อเป็นสิวจึงโหมล้างหน้าวันละหลายครั้ง แท้ที่จริงแล้ว การทำความสะอาดผิวมากเกินไปกลับทำให้สิว และสภาพผิวแย่ลง เพราะจะทำให้กระบวนการสร้าง “เคราติน” ของเซลล์ผิวหนังไม่เกิดขึ้นตามปกติ การทำความสะอาดผิวหน้าจึงควรทำเฉพาะในเวลาเช้า โดยเฉพาะในคนที่ทายารักษาสิว เพื่อล้างเศษยาที่หลงเหลืออยู่ออก เพราะยาทารักษาสิวที่ทาก่อนนอน คือ กรดวิตามินเอ ทำให้ผิวไวต่อแสง เนื่องจากยาที่รักษาสิวทำให้ผิวหนังได้รับผลเสียจากแสงแดดได้ง่ายขึ้น คือ ทำให้เกิดผิวไหม้แดด เกิดรอยด่างดำ และผิวเหี่ยวแก่จากแสงแดด ผู้ที่รักษาสิวอยู่จึงควรใช้ยากันแดดร่วมด้วย พบวว่ายากันแดดที่มีค่า SPF สูงมากเกินไป มักก่อให้เกิดระคายเคืองและเกิดสิวได้ง่าย และยังมีราคาแพงโดยไม่จำเป็น เราจึงควรเลือก SPF ให้เหมาะสม เช่น การโดนแสงแดดตามกิจวัตรประจำวันให้ใช้ SPF 10 หรือ 15 ถ้าต้องออกโดนแดดนานกว่าปกติ (หลายชั่วโมง) อาจใช้ SPF 30 ควรเลือกใช้ยากันแดดที่ไม่ทำให้สิวเห่อ และทาแล้วไม่ปวดแสบปวดร้อน
วัยผู้ใหญ่ตอนต้น ( 20-29 ปี) วัยนี้อาจมีปัญหาผิวหน้ามันหรือสิว ซึ่งมาจากฮอร์โมนเพศเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติ โดยเฉพาะช่วงก่อนหรือหลังการมีประจำเดือน ผิวหน้าจะมัน เป็นสิวและเห็นรอยแดงชัดเจนขึ้น ไม่ควรแกะ แคะหรือบีบสิวใดๆ ทั้งสิ้น เพราะอาจเกิดการอักเสบ ติดเชื้อและเกิดแผลเป็นซึ่งแก้ไขได้ยาก การดูแลผิวพรรณช่วงวัยนี้ต้องให้ความสำคัญกับการทำความสะอาดผิวให้หมดจด โดยเฉพาะคนที่แต่งหน้า ควรเช็ดเครื่องสำอางด้วยออยล์-คลีนเซอร์ด้วยสำลี และล้างหน้าให้สะอาดอย่างแผ่วเบา จากนั้นจึงทาครีมบำรุงผิวตามหลัง สำหรับผู้ที่มีผิวหน้ามันแนะนำให้ทาครีมที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันหรือน้ำหอม และอย่าลืมทาครีมกันแดด สวมแว่นกันแดด ใส่หมวก หรือกางร่ม เมื่อต้องเจอกับแสงแดด โดยเฉพาะระหว่าง 8 โมงเช้า -5 โมงเย็น เป็นศัตรูตัวร้ายที่ให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และริ้วรอยเหี่ยวแก่ที่จะมาเยือนก่อนวัยอันควร
วัยผู้ใหญ่ ( 30-39 ปี) วัยนี้ผิวจะเริ่มขาดความชุ่มชื้น และไม่เปล่งปลั่งสดใสเหมือนเดิม ส่วนใหญ่พบว่าผิวเริ่มแห้ง มีริ้วรอยปรากกฎบริเวณหางตา ใต้ตา มีปัญหาจุดด่างดำจากกระหรือฝ้าเพิ่มมากขึ้น วิธีการถนอมผิวของช่วงวัยนี้คือ การใช้ครีมบำรุงผิวที่มีเนื้อครีมเข้มข้นขึ้น และทาครีมบำรุงเฉพาะส่วนมากขึ้น เช่น ครีมบำรุงรอบดวงตา สำหรับพนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานในห้องแอร์ หรือนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นประจำทุกวัน แนะนำให้ดื่มน้ำมากๆ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ที่จะทำร้ายผิวให้ดูแก่ก่อนวัย รวมถึงการไม่ปล่อยให้เกิดความเครียด หรือทำหน้านิ่วคิ้วขมวด ซึ่งจะทำให้เกิดริ้วรอยได้ง่าย หลายคน หันมาใช้เครื่องสำอาง หากไม่ศึกษาวิธีใช้ให้ดีพอ หรือใช้เครื่องสำอางมากเกินไป อาจเกิดผื่นแพ้เครื่องสำอาง หรือเกิดสิวจากเครื่องสำอางได้
วัยกลางคน (40-49 ปี) เป็นช่วงวัยที่หลายๆ คนเริ่มกังวลเกี่ยวกับปัญหาผิวพรรณมากที่สุด เนื่องจากไขมันหล่อเลี้ยงใต้ชั้นผิวหนังสูญเสียความยืดหยุ่นลง ทำให้ผิวไม่อิ่มเอิบ ทำให้เห็นริ้วรอยหรือจุดบกพร่องชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ช่วงอายุนี้ภาวะขาดความสมดุลย์ของฮอร์โมน หรือมีการลดลงของฮอร์โมนต่างๆ ส่งผลทำให้ผิวแห้ง และแพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น แนะนำให้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อเข้มข้น ทาตอนเช้า และก่อนนอนเป็นประจำทุกวัน ทว่าคุณสมบัติของครีมเข้มข้นเหล่านี้ไม่สามารถทำให้ลดเลือนริ้วรอยได้ 100 % เหมือนตามโฆษณาหรือคำอ้าง แต่สารที่ให้ความชุ่มชื้นจะช่วยทำให้ผิวอุ้มน้ำได้มาก ทำให้ผิวดูเต่งตึง ริ้วรอยตื้นขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ถ้าไม่ทาบำรุงเป็นประจำริ้วรอยก็จะปรากกฎขึ้นมาใหม่
ผู้สูงวัย (50 ปี เป็นต้นไป) ในวัยนี้ต่อมไขมันเริ่มทำงานน้อยลง จึงเกิดผิวแห้งได้ ผู้สูงวัยหลายท่านชอบอาบน้ำร้อน นอนแช่ในอ่างอาบน้ำ ใช้สบู่ที่แรงฟอกตัวมากเกินไป เหล่านี้ล้วนทำให้ผิวแห้งมากขึ้น จึงควรเลี่ยงการกระทำดังกล่าว และอาจใช้ครีมให้ความชุ่มชื้นทาเมื่อรู้สึกผิวแห้ง หากคุณเป็นคนไม่ใส่ใจการบำรุงและดูแลสุขภาพผิวพรรณมาก่อน สภาพผิวหน้าหย่อนคล้อย และริ้วรอยร่องลึกจะปรากฎบนใบหน้าอย่างชัดเจน อาจใช้เครื่องสำอางในการปกปิดจุดบกพร่อง เพื่อชะลอความแก่ ยังมีการดูแลจำเพาะ ได้แก่ การป้องกันผิวหนังไม่ให้ถูกแสงแดดทำลาย โดยใช้ยากันแดดที่มีประสิทธิภาพดี ใช้เสื้อผ้าปกปิดผิวหนัง หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแดดจัด การทาครีมกลุ่มกรดวิตามินเอ ครีมตัวนี้จัดเป็นยาช่วยทำผิวหนังที่ถูกทำลายจากแสงแดดดีขึ้น การทากรดผลไม้ช่วยให้ผิวหนังชั้นกำพร้าหลุดลอกทำให้ผิวหนังดูเรียบเนียนขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นจุดกระดำกระด่าง และลดความแห้งกร้านของผิวหนัง ปัจจุบันมีการใช้กรดผลไม้อยู่ 2 แบบ คือ ถ้าความเข้มข้นต่ำ เช่น 4-8%อาจใช้ทาเองที่บ้านได้ แต่ถ้าความเข้มข้นสูง 30-70% ต้องให้แพทย์เป็นคนทาให้ โดยทาทิ้งไว้ในช่วงเวลาสั้น ๆ นับเป็นนาทีทุก 1-2 สัปดาห์ ในช่วงระยะเวลาหนึ่ง สารต้านอนุมูลอิสระ ที่รู้จักกันแพร่หลายได้แก่ วิตามินเอ ซี อี เบต้าคาโรทิน โคเอนไซม์คิว 10 เป็นต้น เหล่านี้ใช้ทาผิวหนังเพื่อหวังป้องกันและรักษาผิวเหี่ยวแก่ แต่ผลยังไม่แน่นอนนัก
ที่สำคัญที่สุด การดูแลในทุกวัยที่ดีที่สุด คือ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตให้ผิวมีสุขภาพดีจากภายใน เริ่มจากการกินอาหารที่ให้วิตามิน เกลือแร่และกากใยมาก การดื่มน้ำเปล่ามาก การออกกำลังกายและการพักผ่อนให้เพียงพอ เป็นต้น
Comments