อาการหลั่งเร็ว เสร็จไว ล่มปากอ่าว หรือ นกกระจอกไม่ทันกินน้ำ เป็นปัญหากวนใจที่เกิดขึ้นได้กับผู้ชายทั่วโลก ไม่ใช่เฉพาะกับชายไทยเท่านั้น โรคหลั่งเร็วสามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ชายทุกช่วงอายุ ชายหนุ่มอายุ 20 สุขภาพแข็งแรง ก็มีโอกาสเจอปัญหานี้ได้พอ ๆ กับผู้ชายวัย 50 ซึ่งผู้ชายถึง 1 ใน 3 ต้องเคยประสบกับปัญหานี้
ซึ่งนอกจากจะทำให้เกิดความไม่พึงพอใจในเพศสัมพันธ์ของคู่รักแล้ว ยังส่งผลกับเจ้าตัว ทำให้สูญเสียความมั่นใจ เกิดความเครียด เสียบุคลิกภาพ รวมไปถึงอาจเกิดปัญหาชีวิตคู่ได้อีก
สาเหตุการหลั่งเร็วมีอะไรบ้าง ?
การหลั่งเร็ว อาจเกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง หรือหลายสาเหตุร่วมกันก็ได้ คุณผู้ชายจึงควรทำความเข้าใจและสังเกตว่าสาเหตุการ หลั่งเร็ว ของตัวเองนั้นน่าจะมาจากอะไร เพื่อที่จะได้จัดการแก้ไขได้อย่างตรงจุด
1. สาเหตุจากสารเคมีในสมอง ในกระบวนการหลั่งจะมีสารสื่อกระแสประสาทที่ทำหน้าที่กระตุ้น
การหลั่งคือ Dopamine และ สารที่ทำหน้าที่ยับยั้งการหลั่งคือ Serotonin นอกจากนี้ยังมีสารสื่อ
กระแสประสาทอื่น ๆ อีกที่เกี่ยวข้อง เช่น Adrenaline, Oxytocin, GABA, Nitric Oxide ถ้าสารที่
กระตุ้นการหลั่งและยับยั้งการหลั่งทำงานไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดการหลั่งไว หรือหลั่งช้ากว่าปกติ
2. สาเหตุจากจิตใจ ข้อนี้หลายคนอาจจะเคยเป็น โดยเฉพาะเวลาที่ตื่นเต้นมาก ๆ เช่น เปลี่ยนคู่
นอนใหม่ เปลี่ยนสถานที่ เปลี่ยนบรรยากาศ ทำให้ควบคุมไม่ได้ หรือ มีความวิตกกังวล มี
ความเครียด การมีความรู้สึกผิด การมีประสบการณ์ทางเพศที่ไม่ดี เป็นต้น
3. สาเหตุจากร่างกาย ความรู้สึกของน้องชายมีความไวต่อการสัมผัสมากเกินไป เกิดการอักเสบ
และติดเชื้อที่ท่อปัสสาวะ หรือบริเวณต่อมลูกหมาก ปัจจัยทางพันธุกรรม ปัญหาที่เส้นประสาท
4. สาเหตุอื่น เป็นผลข้างเคียงของยา หรือสารเสพติดบางชนิด เป็นโรคบางโรค เช่น โรคเบา
หวาน ไขมันสูง
แค่ไหนถึงเรียกว่าหลั่งเร็ว หลั่งไว ?
โรคหลั่งเร็ว (Premature Ejaculation : PE) ถือเป็นโรคที่เป็นปัญหาสุขภาพทางเพศอย่างหนึ่ง ทำให้มีการพยายามคิดค้นเครื่องมือเพื่อใช้ช่วยในการวินิจฉัยโรค หนึ่งในนั้นคือการจับเวลาที่เรียกว่า Intravaginal ejaculation latency time หรือ IELT เป็นระยะเวลานับตั้งแต่สอดใส่อวัยวะเพศจนถึงมีการหลั่งเกิดขึ้น วิธีนี้คู่รักหรือคุณผู้ชายสามารถทดสอบได้ด้วยตัวเอง
หากไม่สามารถควบคุมการหลั่งหลังสอดใส่ได้เกิน 1 นาที หรือมีการหลั่งตั้งแต่ยังไม่สอดใส่ แสดงว่าคุณเข้าข่ายเป็นโรคหลั่งเร็วซะแล้ว แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะมันมีวิธีรักษาให้หายได้ แต่ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจโรคนี้กันก่อน เพื่อให้คุณเลือกวิธีแก้ไขได้อย่างเหมาะสมครับ
โรคหลั่งเร็วมีกี่ชนิด ?
โรคหลั่งเร็วแบ่งออกเป็น 4 แบบตามลักษณะของโรค ซึ่งมีสาเหตุและวิธีรักษาแตกต่างกันออกไป ถ้าเราสังเกตตัวเองและบอกได้ว่าเราเป็นโรคหลั่งเร็วชนิดไหน จะทำให้หาวิธีแก้ไขได้ดียิ่งขึ้น
ชนิดที่ 1 หลั่งเร็วตั้งแต่เกิด
อาการ พบได้ร้อยละ 2.3 - 3.2 โรคหลั่งเร็วชนิดนี้ คุณผู้ชายจะมีปัญหาหลั่งเร็วตลอด เกือบทุกครั้ง กับคู่นอนเกือบทุกคน เรียกได้ว่าหลั่งเร็วตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยมีเพศสัมพันธ์ และยังคงหลั่งเร็วมาโดยตลอด โดยมากจะไม่เกิน 1 นาที บางคนหลั่งตั้งแต่เล้าโลม บางคนหลั่งขณะสอดใส่ สาเหตุ มาจากปัญหาด้านร่างกาย และสารสื่อกระแสประสาท คุณผู้ชายกลุ่มนี้ควรรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด การใช้ยาทาเฉพาะที่ การทานยา หรืออาหารเสริมที่ช่วยให้ควบคุมการหลั่งได้ดีขึ้น
ชนิดที่ 2 เคยปกติมาก่อน
อาการ พบได้ร้อยละ 3.9-4.8 คุณผู้ชายกลุ่มนี้เคยหลั่งปกติมาก่อน แล้วจู่ ๆ ก็เริ่มควบคุมการหลั่งไม่ได้ เริ่มหลั่งเร็วขึ้น โดยอาจเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป หรืออาจเกิดแบบปุบปับก็ได้ สาเหตุ ภาวะด้านจิตใจ ความวิตกกังวล การเป็นโรคบางอย่าง หรือเป็นปัญหาด้านความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล กลุ่มนี้อาจต้องมีการรักษาด้วยจิตบำบัด ควบคู่กับวิธีอื่น ๆ
ชนิดที่ 3 หลั่งเร็วบ้าง เป็นปกติ
อาการ พบได้ร้อยละ 8.5-11.4 คือการหลั่งเร็วเฉพาะในสถานการณ์ หรือกับบางคน เกิดแค่บางครั้ง เป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้ คุณผู้ชายยังคงควบคุมการหลั่งได้ดีอยู่ สาเหตุ ไม่มีและ ไม่จำเป็น ต้องรับการรักษา หรือทานยา เพียงแต่ต้องให้ความรู้ และความมั่นใจ
ชนิดที่ 4 คิดไปเอง
อาการ พบได้ร้อยละ 5.1-6.4 การหลั่งเร็วชนิดนี้จะเกิดขึ้นในผู้ชายที่ควบคุมการหลั่งได้ปกติ หรือนานกว่าปกติ (5-25 นาที) แต่วันดีคืนดีความสามารถในการชะลอการหลั่งเกิดลดลง หรือหลั่งก่อนที่คู่นอนจะถึงจุดสุดยอด สาเหตุ สูญเสียความมั่นใจ และเข้าใจว่าตัวเองมีปัญหาหลั่งเร็ว เป็นปัญหาทางด้านจิตใจ ต้องได้รับการรักษาด้วยจิตบำบัด
6 วิธีแก้อาการหลั่งเร็ว
1. การรักษาด้วยจิตบำบัด คุณผู้ชายที่มีสาเหตุทางด้านจิตใจ ควรเข้าปรึกษาแพทย์และผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำให้รับมือและจัดการกับความเครียด ความวิตกกังวลได้อย่างเหมาะสม โดยอาจจะได้รับการรักษาร่วมกับวิธีอื่น ๆ เพื่อให้ได้ผลดียิ่งขึ้น
2. การรักษาด้วยพฤติกรรมบำบัด มีหลากหลายเทคนิคหลากหลายวิธีให้เลือกใช้ โดยคุณผู้ชายสามารถทดลองหาวิธีที่เหมาะสมและได้ผลกับตัวเอง เช่น
2.1 ช่วยตัวเอง ให้มีการหลั่งสักครั้งก่อนปฏิบัติภารกิจ 1-2 ชั่วโมง
2.2 พยายามควบคุมจิตใจให้เย็นๆ ไม่เร่งรีบ ใช้เวลาในการเล้าโลมให้มากขึ้น วิธีนี้จะช่วยลด
ความตื่นเต้น สร้างความผ่อนคลาย
2.3 วกไปคิดเรื่องเครียด วิธีนี้อาจจะฟังดูแปลกสักหน่อย แต่ระหว่างปฏิบัติภารกิจให้คุณผู้ชาย
ลองนึกถึงเรื่องที่เครียด ๆ เช่น เรื่องงาน จะช่วยชะลอการหลั่งได้ แต่อย่าเครียดจนถึงขั้นหมด
อารมณ์ล่ะ
2.4 Start-Stop technique หรือ Stop-Pause Method เป็นการฝึกควบคุมการหลั่ง โดย
หยุดหรือพักการสอดใส่ เมื่อรู้สึกว่ากำลังจะมีการหลั่ง เมื่อยับยั้งได้แล้วค่อยเริ่มใหม่ เป็นการ
ฝึกให้รับรู้ความรู้สึกก่อนจะถึงจุดสุดยอด (Pre orgasm) เพื่อให้ควบคุมการหลั่งได้ดีขึ้น
2.5 Pause-Squeeze technique หรือ Stop Squeeze Method วิธีนี้คล้าย ๆ กับ “Start-
Stop technique” คือเมื่อรู้สึกว่ากำลังจะมีการหลั่ง ให้หยุดสอดใส่ แล้วทำการบีบที่บริเวณ
เส้นสองสลึง จะทำให้น้องชายไม่แข็งตัวชั่วคราว และยับยั้งการหลั่งได้
2.6 บริหารกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน กล้ามเนื้อส่วนนี้ทำหน้าที่ในการควบคุมการกลั้นปัสสาวะ
กลั้นอุจจาระ และควบคุมการหลั่งด้วย ก่อนอื่นเราต้องหากล้ามเนื้อส่วนนี้ให้เจอก่อน โดยการ
หยุดปัสสาวะกลางคันแล้วเกร็งกล้ามเนื้อที่ใช้กลั้นปัสสาวะ นั่นคือกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน ใน
การบริหารทำได้โดยเกร็งหรือขมิบกล้ามเนื้อค้างไว้ 5-10 วินาที 10-20 ครั้งเป็นประจำ
3. การรักษาด้วยยาเฉพาะที่ หลักการของวิธีนี้คือ ทำให้น้องชายเกิดอาการ “ชา” จากฤทธิ์ของยาชานั่นเอง เมื่อมีอาการชาก็จะไวต่อความรู้สึกน้อยลง และช่วยชะลอการหลั่งให้นานขึ้น ปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ออกมาจำหน่ายอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบของสเปรย์ ครีม แต่สำหรับประเทศไทย ผลิตภัณฑ์ลักษณะนี้ยังไม่อนุญาตให้ซื้อขายได้ทั่วไปเหมือนเครื่องสำอางเพราะจัดเป็นผลิตภัณฑ์ยา วิธีนี้มีข้อเสียคือ อาจเกิดการระคายเคืองที่ผิวหนังของทั้งคุณผู้ชายและคู่นอนได้ การใช้ปริมาณที่มากเกินไป อาจทำให้น้องชายสูญเสียความรู้สึก ไม่ยอมแข็งตัวในเวลาสำคัญ และถ้าผลิตภัณฑ์ใช้ตัวยาชนิดที่ดูดซึมได้ที่ผิวช่องคลอด จะยิ่งทำให้คู่นอนของคุณไม่ถึงฝั่งฝันไปกันใหญ่ ถ้าคุณจะเลือกใช้วิธีนี้ คุณควรซ้อมดูก่อนเพื่อหาระยะเวลาออกฤทธิ์ และปริมาณยาที่เหมาะสมกับตัวเอง
4. การรักษาด้วยถุงยางอนามัยผสมยาชา วิธีนี้ใช้หลักการเดียวกับการรักษาด้วยยาเฉพาะที่ โดยยาชาถูกใส่เอาไว้ด้านในของถุงยางอนามัยแล้ว ข้อดีคือหาซื้อได้ง่ายและสะดวกกว่า และมั่นใจได้ว่าคู่นอนของคุณจะไม่ชาไปด้วยแน่นอน
5. การรักษาด้วยการทานยา ตามที่กล่าวไปแล้วว่าสาเหตุหนึ่งของการหลั่งเร็ว เกิดจากสารสื่อกระแสประสาทไม่สมดุลกัน ดังนั้นหากต้องการควบคุมการหลั่งให้ดีขึ้น ต้องใช้ยาที่ไปช่วยเพิ่ม Serotonin ซึ่งทำหน้าที่ควบคุมการหลั่งนั่นเอง
ยาที่ใช้รักษาอาการ หลั่งเร็ว จึงเป็นยากลุ่มที่เรียกว่า Selective Serotonin Re-Uptake Inhibitor (SSRI) มีฤทธิ์ในการเพิ่ม Serotonin ในสมอง เดิมทียากลุ่มนี้จะใช้รักษาโรคซึมเศร้าแต่มีผลข้างเคียงคือช่วยชะลอการหลั่งได้ด้วย เช่น ดาพ็อกซิทีน (Dapoxetine) พาร็อกซีทีน (Paroxetine) เซอทราลีน (Sertraline) และ ฟลูออกซีทีน (Fluoxetine)
การใช้ยาในการรักษามีข้อเสียคือ อาจเกิดอาการข้างเคียงได้ เช่น กระสับกระส่าย สับสน มีเหงื่อออกมาก สั่น หัวใจเต้นเร็ว และบางรายทำให้หมดอารมณ์ทางเพศไปเลย การใช้ยาจึงควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์
6. การรักษาด้วยการทานอาหารเสริม
อย่างที่รู้กันดีว่าการรักษาด้วยยาไม่ว่าจะเป็นยาทาภายนอก หรือการทานยา ไม่ใช่เรื่องง่ายในประเทศไทย เพราะไม่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป ต้องซื้อกับเภสัชกร หรือสั่งจ่ายโดยแพทย์เท่านั้น บางครั้งผู้ป่วยมีความเขินอาย หรือไม่สะดวกที่จะไปพบแพทย์
สนับสนุนจาก
Tiger-X อาหารเสริมผู้ชาย
เลขที่ อย.11-2-04463-5-0051
สรรพคุณ
-เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
-เพิ่มฮอร์โมนเพศชาย
-เพิ่มปริมาณน้ำอสุจิ
-แข็ง อึด ทน
✅สารสกัดจากโสม(คัดเฉพาะส่วนราก) 70 mg
✅สารสกัดจากหอยนางรม 55 mg
✅สารสกัดจากกระชายดำ 15 mg
✅สารสกัดจากถังเช่า 65 mg
✅แอล-อาร์จินีน 135 mg
✅สารสกัดจากกระเทียม 30 mg
✅สารสกัดจากฟีนูกรีก 55 mg
✅ซิลิเนียม อะมิโนเอซิด 5 mg
✅ซิงค์ อะมิโนเอซิด 45 mg
สนใจผลิตภัณฑ์ Tiger-X ติดต่อได้จากร้านค้าใน Shopee >>> คลิ๊กเลย
Comments